Menu
สายด่วนบริการลูกค้า : 02-692-8404-12

หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ

รวมวิธีปลูกผักกินเองที่บ้านระหว่างกักตัว พื้นที่ไม่มากแต่ปลูกผักได้เพียบ !

10/04/2020

     ในช่วงภาวะโควิด-19 กำลังระบาดหนัก เรื่องปากท้องก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราจะต้องมีของกิน อีกทั้งจะออกไปซื้อของด้านนอกอยู่บ่อยๆก็สุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19ได้ อีกทั้งตอนนี้อะไรประหยัดได้เราก็ควรประหยัด
     ดังนั้นวันนี้เราเลยเอาวีธีสำหรับคนสายสุขภาพหรือชอบผัก มาหัดปลูกผักกินเองที่บ้าน แม้มีพื้นที่ในบ้านเพียงนิดเดียวแบบชาวคอนโด ก็สามารถปลูกผักกอนเองได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องมีแปลงหรือสวนใหญ่ ๆ แค่มีที่ว่างเล็ก ๆ ก็สามารถปลูกผักกินเองที่บ้านได้แล้ว 


1. กระถางแขวนจากแกลลอนเก่า 
     ต่อให้ไม่มีที่ว่างในบ้านก็สามารถปลูกผักกินเองง่าย ๆ โดยผ่าครึ่งขวดนมแกลลอน ล้างให้สะอาด ร้อยเชือกสำหรับแขวนแล้วเจาะก้นขวด 1 รูสำหรับปลูกผัก เช่น มะเขือเทศ แตงกวา มะเขือยาว ถั่ว หรือพริกไทย ส่วนด้านบนกระถางไว้สำหรับใส่ขวดน้ำระบบหยด จะได้ไม่ต้องเสียเวลามารดน้ำเอง แถมยังเด็ดได้ง่ายกว่าด้วย 


2. แปลงปลูกผักถุงรองเท้าเหลือใช้ 
      หากไม่มีที่สำหรับยกแปลงผักก็ไม่เป็นไร แค่ปลูกผักใส่ถุงดำเอาไว้ แล้วนำถุงดำไปใส่เรียงไว้ในแผงถุงรองเท้าที่ไม่ใช้แล้ว จากนั้นก็นำไปแขวนบนผนัง แค่นี้ก็ได้แปลงปลูกผักแนวตั้งที่ไม่เหมือนใครแล้ว 


3. แผงไม้กระดานปลูกผักสุดเก๋
     แปลงปลูกผักแนวตั้งเก๋ ๆ ด้วยการเจาะไม้กระดานตามความกว้างของกระถางปลูกผัก ใส่กระถางลงไปในรูที่เจาะแล้วปลูกผักที่ชอบ จากนั้นนำไม้กระดานแต่ละแผ่นมาร้อยเชือกซ้อนกันให้สวยงาม 


4. รางน้ำปลูกผักประหยัดพื้นที่
      รางน้ำเก่า ๆ หรือรางน้ำเหลือใช้สามารถนำมาดัดแปลงเป็นกระถางได้หลายรูปแบบเลย ไม่ว่าจะนำมาร้อยเชือกเรียงกันเป็นม่าน ติดที่ขอบหน้าต่างห้องครัว ติดเข้ากับกำแพงบ้าน หรือวางบนฐานไม้เป็นสวนแนวตั้งแบบนี้ก็ได้ค่ะ


5. แปลงผักไม้พาเลท 
     เรียกได้ว่าเป็นไม้ที่มีราคาถูกและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ถ้าจะปลูกผักแนวตั้งในพื้นที่เล็ก ๆ ให้นำโครงไม้พาเลทมา 1 โครง แล้วดึงแผ่นไม้ออกบางส่วน เพื่อทำให้เป็นช่อง ยกเว้นไม้คานด้านในที่ไม่ต้องดึงออก จับวางให้เป็นแนวตั้ง จากนั้นก็ตั้งกระถางปลูกผักได้ตามใจชอบเลย


6. คอนโดกระถางปลูกผัก
     อยากปลูกผักหลาย ๆ ชนิดพร้อมกัน แต่ยังติดที่ไม่มีพื้นที่ว่าง แค่เปลี่ยนจากวางกระถางเรียงกันบนพื้นให้เป็นแนวตั้ง โดยนำกระถางวางซ้อนกันจากใบเล็กไปหาใบใหญ่ แล้วปลูกผักบนที่ว่างระหว่างกระถางแต่ละชั้น 


7. ปลูกผักในกระป๋อง 
      ทั้งกระป๋องนม กระป๋องอาหาร หรือกระป๋องใส่ของต่าง ๆ สามารถนำมา DIY ให้เป็นกระถางปลูกผักน่ารัก ๆ ต่อได้นะคะ แค่เปิดฝากระป๋อง นำผักมาปลูก เจาะรูใต้กระป๋องสำหรับระบายน้ำ จากนั้นติดป้ายชื่อ ทาสีกระป๋อง จากนั้นนำไปแขวนเรียงบนผนังได้เลย


8. คอนโดถาดปลูกผัก
      อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่มีพื้นที่ปลูกกว้าง ๆ อย่างบ้านอื่น นำท่อพีวีซีมาต่อขึ้นโครงให้เป็นชั้นวาง จากนั้นปลูกผักลงในถาดพลาสติกที่ไม่ใช้แล้ว แล้วนำมาวางไว้ตามชั้นท่อพีวีซีที่ประกอบไว้


9. ปลูกผักในเมสัน จาร์ 
      เมสัน จาร์หรือโหลแก้วเหลือใช้ จะนำไปทิ้งทำไม เอามาปลูกผักได้ประโยชน์มากกว่า กินพื้นที่น้อย แถมยังกลายเป็นแปลงปลูกผักเล็ก ๆ น่ารัก เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้านของเรา อีกทั้งจะเด็ดกินเมื่อไรก็ได้ด้วย 


10. แปลงผักลังไม้ชิค ๆ 
      รู้ไหมว่าลังไม้มีประโยชน์มากกว่าเอาไว้เก็บของนะ เพราะยังสามารถกลายเป็นแปลงปลูกผักเล็ก ๆ ไว้ปลูกผักกินเองในบ้านได้ด้วย ที่สำคัญรูปลักษณ์ของมันยังดูดีมีสไตล์จนกลายเป็นของแต่งบ้านไปพร้อมกันได้อีกต่างหาก 


11. กระถางเปลือกไข่เพาะกล้า
      อีกหนึ่งไอเดียสำหรับผู้ที่ชอบปลูกพืชผักด้วยการเพาะเมล็ด คราวนี้ไม่ต้องไปซื้อแผงเพาะต้นกล้าให้สิ้นเปลือง เพราะแค่มีแผงไข่และเปลือกไขในสภาพดีก็ใช้แทนกันได้เลย อีกทั้งเปลือกไข่ยังมีสารอาหารที่บำรุงต้นผักอีกด้วย


12. ปลูกผักริมหน้าต่าง  
       แค่นำถังอะลูมิเนียมปากกว้างมาติดไว้ที่ขอบหน้าต่างด้านนอกของห้องครัว แล้วนำพืชผักสมุนไพรที่ใช้ทำอาหารบ่อย ๆ มาปลูก พอจะนำมาทำอาหารก็เปิดหน้าต่างเก็บได้เลย ไม่ต้องออกมานอกบ้านให้เสียเวลา

       หลายคนคงเห็นวิธีปลุกกันไปบ้างแล้วว่า เพียงแค่รู้จักหาอุปกรณ์หรือ DIY สิ่งของต่างๆก็สามารถทำให้เรามีพื้นที่สีเขี่ยวไว้ปลูกผักกินกันได้แล้ว และที่นี้มีผักอะไรที่น่าสนใจบ้างล่ะที่จะสามารถปลูกขึ้นง่ายๆในพื้นที่น้อยๆของเราที่ทำมาแบบนี้
 

1. ถั่วงอก 
      ถั่วงอกถือเป็นผักสวนครัวที่มีอายุในการปลูกสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับพืชทุก ๆ ชนิด โดยใช้เวลาเพียงแค่ 4 วัน เราก็จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตของถั่วงอกได้แล้ว ซึ่งในส่วนของขั้นตอนการปลูกถั่วงอกนั้นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เรานำเมล็ดถั่วเขียวไปแช่น้ำประมาณ 6-12 ชั่วโมง จากนั้นก็นำกระป๋องที่มีฝาปิดมาเปิดออก พร้อมปูกระดาษทิชชูรองไว้บริเวณก้นกระป๋อง เสร็จแล้วก็ไปนำเมล็ดถั่วเขียวที่เตรียมไว้มาโรยให้ทั่ว นำกระดาษทิชชูปิดทับอีกที พร้อมปิดฝากระป๋องให้สนิท จากนั้นก็คอยดูแลฉีดน้ำต้นถั่วงอกอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ก็จะได้ถั่วงอกไว้กินอร่อย ๆ แล้ว

2. ต้นอ่อนทานตะวัน
     ต้นอ่อนทานตะวันเป็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกได้ง่ายคล้ายกับถั่วงอก นำเมล็ดทานตะวันไปแช่น้ำไว้ประมาณ 1 คืน จากนั้นก็เตรียมภาชนะสี่เหลี่ยมที่จะใช้ปลูก โดยควรเลือกเป็นภาชนะที่ไม่มีรู แล้วเทดินใส่ให้ทั่ว ฉีดน้ำตามให้ชุ่ม เสร็จแล้วก็โรยหว่านเมล็ดให้ทั่วภาชนะ พร้อมนำภาชนะอีกชิ้นมาปิดทับไว้ หลังจากนี้ก็รอประมาณ 7 วัน ก็จะได้ต้นอ่อนทานตะวันไว้กินแล้ว

3. เห็ดนางฟ้า
     เห็ดนางฟ้ามีอายุการเก็บเกี่ยวหลังจากการปลูกอยู่ที่ประมาณ 7-15 วัน โดยต้องทำการเพาะเห็ดนางฟ้าในที่ร่ม เนื่องจากแสงแดดไม่มีความจำเป็นต่อเห็ดนางฟ้าเลย แถมยังสามารถทำให้เส้นใยโตได้ช้าอีกต่างหาก ส่วนขั้นตอนในการปลูกก็ให้เราหาภาชนะทรงสูงหรือโอ่งเก่า ๆ มาทำเป็นเรือนเพาะ เททรายลงไปให้หนาประมาณ 3 นิ้ว แล้วหาไม้ลังมาประกอบเป็นทรงสีเหลี่ยมเพื่อใส่เข้าไปในเรือนเพาะ จากนั้นวางตะแกรงไม้ไผ่รองพื้นที่ก่อนจะนำก้อนเชื้อเห็ดที่เปิดจุกด้านบนมาวางบนตะแกรง แล้วปิดฝาให้เรียบร้อย พร้อมคอยพรมน้ำ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น  

4. ต้นหอม
     ต้นหอมเป็นพืชที่นิยมปลูกด้วยการปักชำ โดยให้พรวนดินให้ร่วน จากนั้นทุบเปลือกถั่วลิสงให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วไปผสมกับดิน พร้อมทั้งนำดินใส่ลงในกระถางแบบไม่ต้องแน่น จากนั้นก็ใช้มีดตัดต้นหอมให้เหนือรากขึ้นมาประมาณ 1.5-2 นิ้ว แล้วปักชำลงในดิน พร้อมกับรดน้ำให้ชุ่ม รอประมาณ 30-35 วัน ก็จะพร้อมเก็บกิน ส่วนถ้าหากอยากปลูกด้วยเมล็ด ก็ให้ทำการโรยเมล็ดลงที่หน้าดินประมาณ 4-5 เมล็ดต่อกระถาง  รอประมาณ 45 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้แล้วค่ะ

5. ผักชี
     สำหรับผักสวนครัวยอดนิยมคู่สวนและครัวไทยต้องยกให้กับผักชี เพราะเป็นผักที่สามารถใช้โรยหน้าอาหารได้หลากหลายชนิด แถมยังนำรากไปใช้เป็นส่วนผสมในการประกอบอาหารได้หลากหลายประเภท อีกทั้งยังสามารถปลูกได้ไม่ยาก ด้วยการนำดินที่ระบายน้ำได้ดีไปตากแห้ง แล้วผสมกับปุ๋ยคอก จากนั้นก็กดเมล็ดผักชีให้แตกออกเป็น 2 ส่วน แล้วแช่น้ำไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ผึ่งลมให้พอแห้ง พร้อมนำไปคลุกกับทรายหรือขี้เถ้า แล้วหย่อนลงในกระถาง กลบดินและคลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม พร้อมหมั่นรดทุกครั้งที่หน้าดินแห้ง โดยทำการปลูกแค่เพียง 40-60 วัน ต้นผักชีก็จะพร้อมแก่การเก็บเกี่ยว

6. ขึ้นฉ่าย
     สำหรับการปลูกขึ้นฉ่ายให้นำเมล็ด 1 ช้อนชา ผสมเข้ากับทราย 1 ถัง คลุกให้เข้ากัน แล้วหว่านลงในพื้นที่เพาะเมล็ด จากนั้นก็นำฟางแห้งมาคลุมด้านบนเล็กน้อย พร้อมหมั่นรดน้ำทุกเช้า กลางวัน เย็น โดยระวังอย่าให้มีน้ำขัง แล้วรอจนกว่าต้นสูง 3-4 นิ้ว จึงค่อยทำการย้ายลงแปลงปลูก ซึ่งในช่วงที่ย้ายลงแปลกปลูกแรก ๆ ควรหาที่บังแสงแดดให้ต้นอ่อนขึ้นฉ่ายด้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยให้โดนแสงมากขึ้นจนสามารถทนต่อแสงแดดได้เต็มวัน ทว่าจริง ๆ แล้วต้นขึ้นฉ่ายจะไม่ค่อยชอบอากาศที่ร้อนมาก ๆ ฉะนั้นถ้าวันไหนที่มีแดดจัดก็ควรทำผ้าคลุมกันแดดให้กับต้นขึ้นฉ่ายด้วย ส่วนระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวหลังจากย้ายต้นกล้าจะอยู่ที่ประมาณ 40-50 วัน   

7. ผักบุ้งจีน
     อีกหนึ่งผักสวนครัวยอดฮิตที่หลาย ๆ คนชอบกันมาก ๆ ก็คือ ผักบุ้งจีน โดยต้องบอกเลยว่าผักบุ้งจีนสามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ไวมาก ๆ เพียงแค่ประมาณ 20-25 วันเท่านั้น โดยให้เราใช้ดินร่วนที่สับและเกลี่ยละเอียดจนร่วนซุยใส่ลงในกระถางเพื่อทำการปลูก จากนั้นก็โรยเมล็ดผักบุ้งลงไปให้ทั่ว พร้อมรดน้ำให้ชุ่ม และคอยรดน้ำให้สม่ำเสมอ เท่านี้ต้นกล้าก็จะเริ่มงอกใน 3 วัน พร้อมโตเป็นต้นผักบุ้งให้เราเก็บเกี่ยวได้แบบง่าย ๆ แล้ว    

8. กวางตุ้ง
     กวางตุ้งถือเป็นผักสวนครัวอีกหนึ่งชนิดที่ปลูกง่าย เพียงแค่ผสมดินร่วนเข้ากับปุ๋ยคอก แล้วนำเมล็ดมาหยอดลงในหลุมดินขนาด 1.5 เซนติเมตร กลบด้วยดิน ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก รดน้ำให้ชุ่ม และตั้งให้โดนแดด แต่ในระยะ 4-5 วันแรก ให้ทำที่บังแดดให้ต้นกวางตุ้งก่อน แล้วพอต้นแข็งแรงแล้วจึงปล่อยให้โดนแดดตลอดวัน พร้อมให้เก็บเกี่ยวได้ในระยะเวลา 30-35 วันแล้ว

9. ผักคะน้า
     รู้ไหมว่าวิธีการปลูกผักคะน้า ผักสวนครัวยอดนิยมทำได้ไม่ยากเลย เพียงแค่ตอนเริ่มให้เราสับและเกลี่ยดินให้ร่วนซะก่อน จากนั้นก็หยอดเมล็ดลงไปในดินสักประมาณ 1-2 เมล็ด กลบดินพอประมาณแล้วรดน้ำอย่างสม่ำเสมอทุกเช้า-เย็น ตั้งไว้ให้โดนแสงแดด รอทั้งหมดประมาณ 35-60 วัน ก็จะมีผักคะน้าให้เราได้กินกันแล้วค่ะ

10. ผักกาดหอม
     ผักกาดหอมสามารถเก็บมารับประทานหลังจากเพาะปลูกได้ในเวลาประมาณ 40-50 วัน โดยมีขั้นตอนในการปลูกไม่ยากมาก ให้ใช้ดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดีในการปลูก โดยให้ตากดินไว้ก่อนปลูกประมาณ 1 สัปดาห์ พร้อมพรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกลงไปให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทำการหยอดเมล็ดลงไปในกระถาง จนเมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนแยกต้นที่อ่อนแอทิ้ง และถอนแยกครั้งสุดท้าย เมื่อผักกาดหอมมีอายุได้ประมาณ 3 สัปดาห์ ส่วนการดูแลก็ให้รดน้ำเช้า-เย็น แต่ระวังอย่าให้น้ำเข้าปลี เท่านี้ก็มีผักกาดหอมใบมากินได้ง่าย ๆ แล้ว

11. แตงกวา
      สำหรับใครที่อยากปลูกแตงกวาไว้กินเอง ก็สามารถทำการเพาะปลูกได้ง่าย ๆ ด้วยการผสมดินร่วนปนทรายเข้ากับปุ๋ยหมักในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง โดยอาจจะผสมเศษใบไม้ลงไปสักเล็กน้อย จากนั้นก็ดำเนินการเพาะต้นกล้าด้วยการขุดหลุมกลางกระถางให้ลึก 1.2 เซนติเมตร แล้วหย่อนเมล็ดลงไปประมาณ 4-5 เมล็ด พร้อมรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นนำกระถางไปตั้งไว้ในที่ที่มีแสงแดด และเมื่อต้นกล้าเริ่มงอกก็ให้ถอดต้นกล้าที่ไม่ดีหรืออ่อนแอทิ้ง เหลือไว้แต่ต้นกล้าที่แข็งแรงแค่ 2 ต้น พร้อมนำไม้มากปักเอาไว้เพื่อให้เถาเลื้อย แล้วคอยหมั่นดูแลรดน้ำให้ชุ่มวันละประมาณ 3 ลิตร เช็กไม่ให้มีน้ำขัง และตั้งให้โดนแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง โดยสักประมาณ 40-60 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้แล้ว

12. มะระ
      ถึงแม้จะเป็นผักที่มีรสชาติขม กินลำบาก แต่มะระนั้นสามารถทำการปลูกได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่นำเมล็ดสัก 1-2 เมล็ด ใส่ลงไปในกระถางที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นก็เกลี่ยดินกลบให้มิด รดน้ำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จนพอต้นเริ่มงอกก็ไปหาไม้มาปักเพื่อให้ต้นเลื้อย ใช้เวลาประมาณ 45-55 วันก็จะได้มะระมาประกอบอาหารแล้วค่ะ